กิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว”ฉางซา”ในไทยประสบความสำเร็จ พร้อมอวดโฉมเมืองสุดยอดวัฒนธรรมสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
กรุงเทพฯ-20 พฤศจิกายน เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศสาธรณรัฐประชาชนจีนกับประเทศไทย ภายใต้ยุคสมัยที่ความริเริ่มนโยบาย "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" เดินหน้าอย่างต่อเนื่อง และการสร้างชุมชนแห่งอนาคตร่วมจีน-ไทยก้าวหน้าอย่างมั่นคง เพื่อตอบสนองกลยุทธ์การพัฒนาร่วมระหว่างวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของสองประเทศ และสอดคล้องกับเป้าหมายการสร้างเมืองการท่องเที่ยวระดับโลกที่มี "รสชาติฉางซา สำเนียงหูหนาน ธรรมเนียมจีน" ทางผู้บริหารนครฉางซา และหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านการท่องเที่ยวและวัฒนธรรม ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมของฉางซาในประเทศไทย "อยากมาฉางซาจัง" ปี 2025 ที่โรงแรมแกรนด์ เซ็นเตอร์ พอยต์ ลุมพินี ซึ่งประสบสำเร็จอย่างดียิ่ง และนี่คือจุดที่สองของการส่งเสริมการท่องเที่ยวของฉางซาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยจุดแรกจัดที่ประเทศสิงคโปร์
กิจกรรมครั้งนี้ มีตัวแทนทั้งสองประเทศเข้าร่วมและกล่าวคำปราศรัย ได้แก่ นายโจว จื้อข่าย รองนายกเทศมนตรีนครฉางซา, นางสิริเกศอนงค์ ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) , นายหยาง เสียวหลง ที่ปรึกษาฝ่ายวัฒนธรรม สถานเอกอัครราชทูตสาธรณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย, และ นายสวี เฟยซาน นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว(ATTA) พร้อมด้วยผู้รับผิดชอบที่เกี่ยวข้องจากหน่วยงานต่างๆ ของฉางซา เช่น สำนักการท่องเที่ยว วัฒนธรรม การแพร่ภาพและโทรทัศน์นครฉางซา, สำนักบริหารเขตอนุสรณ์สถานภูเขาเยว่ลู่, รัฐบาลเขตหวังเฉิง, รัฐบาลนครหลิวหยาง และตัวแทนจากบริษัทท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศ มาประชุมร่วมกัน เพื่อเปิดช่องทางใหม่ของการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมระหว่างฉางซากับฝ่ายไทย
ในการจัดงานดังกล่าว ทางสมาคมตัวแทนบริษัทท่องเที่ยวฉางซาและสมาคมไทยธูรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) ได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ด้านการท่องเที่ยว โดยกำหนดกลไกปกติสำหรับการ "แลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยว, แบ่งปันนโยบาย, และยอมรับบริการซึ่งกันและกัน"
กิจกรรมครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์สำคัญของฉางซาที่มุ่งเป้ามาที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแผ่ขยายไปยังตลาดยุโรปและอเมริกา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อถ่ายทอดเสน่ห์ของฉางซาไปยังตลาดไทย ซึ่งประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการท่องเที่ยวระดับโลก และจะเป็น"สะพานเชื่อม" ให้ฉางซาดึงดูดนักท่องเที่ยวจากยุโรปและอเมริกา
สำหรับเวทีการประชุมร่วมกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทย มีการนำเสนอเสน่ห์ของนครฉางซาอย่างหลากหลาย ทรัพยากรเด่น
ผ่านรูปแบบต่างๆ เช่น การนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวหลัก, นิทรรศการหัตถกรรมมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้, และนิทรรศการภาพถ่ายการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม
ในส่วนของการนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวหลัก หน่วยงานการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของฉางซาได้นำเสนออัตลักษณ์ของเมืองฉางซาด้วยทั้งภาษาจีน-ไทย โดยเน้นย้ำถึงทรัพยากรและจุดเด่นด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของ "ฉางซาอันรื่นรมย์ นครแห่งเสน่ห์" และนำเสนอผลิตภัณฑ์หลักสำหรับนักท่องเที่ยว ชูแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่เป็นสัญลักษณ์ต่างๆ เช่น ความทรงจำแห่ง “เส้นทางสายไหมทางทะเล” อายุนับพันปีที่สืบทอดโดยเตาเผาถงกวาน, ความคิดสร้างสรรค์ของแสงและเงาที่ดื่มด่ำใน Huayi Brothers Film Town, และประสบการณ์สุดโรแมนติกที่สร้างสรรค์โดยดอกไม้ไฟหลิวหยาง ซึ่งจุดประกายความสนใจอย่างมากให้กับผู้ประกอบการท่องเที่ยวชาวไทย
นอกจากนี้ มีการจัดนิทรรศการหัตถกรรมมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ "ฉางซาผู้รื่นรมย์ นครแห่งเสน่ห์" และนิทรรศการภาพถ่ายการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม โดยมีการนำเสนอมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้กว่า 20 รายการ ทำให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยได้สัมผัสถึงความอบอุ่นของวัฒนธรรมหูหนาน ขณะที่นิทรรศการภาพถ่ายการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมฉางซาได้จัดแสดงภาพถ่ายที่สวยงามกว่า 30 ภาพ ภายใต้สี่หัวข้อหลัก: "ฉางซาแห่งภูเขาและน้ำ", "ฉางซาแห่งวัฒนธรรม", "ฉางซาสุดชิค", และ "ฉางซาแห่งศิลปะ" ซึ่งได้ถ่ายทอดเสน่ห์อันหลากหลายของฉางซาในรูปแบบที่ชวนให้ดื่มด่ำ
พร้อมกันนั้น บูธแสดงของเขตทิวทัศน์ภูเขาเย่ว์ลู่ ผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์ในชุด "เมื่อนครดาราเปล่งประกาย" ก็ได้รับความสนใจอย่างมากจากผู้ร่วมงาน เช่น แม่เหล็กติดตู้เย็นแบบนูนรูปศาลาอ้ายหว่านถิง และที่คั่นหนังสือธีมสถาบันการศึกษาเย่ว์ลู่
เขตหวังเฉิงได้จัดแสดงผลงานเซรามิกเตาเผาถงกวานฉางซา เช่น ชุด "เคลือบขาวแต้มเขียว" ย้อนยุคราชวงศ์ถัง และชุดเซรามิก "ฝู ลู่" รวมถึงผลิตภัณฑ์ของเขตท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมเตาเผาถงกวาน “ไฟนับพันปี สไตล์ราชวงศ์ถังอันรุ่งโรจน์” ซึ่งทำให้แขกในงานสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตร่วมสมัยของ "ไฟเตาเผาอายุพันปี" โดยตรง
เมืองหลิวหยางได้นำเสนอการผสมผสานสองเท่าของ "มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ดอกไม้ไฟ" ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์จากผ้าลินินหลิวหยาง เช่น แผ่นรองชา, กระเป๋าปากกว้าง, หรือดอกไม้ไฟหลิวหยาง ซึ่งเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของฉางซา ล้วนสร้างความสนใจอย่างมากให้กับผู้ประกอบการท่องเที่ยวชาวไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยวในธีมดอกไม้ไฟ ที่นำเสนอทางเลือกที่ไม่เหมือนใครของ "การชมดอกไม้ไฟแบบกำหนดเอง ประสบการณ์ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม" สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย ซึ่งกลายเป็นความคาดหวังใหม่ของนักท่องเที่ยวชาวไทย
ทั้งนี้ ผู้รับผิดชอบที่เกี่ยวข้องจากสำนักวัฒนธรรม การท่องเที่ยว กีฬา และการกระจายเสียงเทศบาลนครฉางซา กล่าวว่า กิจกรรมการส่งเสริมและแลกเปลี่ยนในครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญสำหรับการท่องเที่ยวขาเข้าของฉางซาในการ "รักษาเสถียรภาพรอบข้าง และขยายระยะไกล" ฉางซาจะใช้โอกาสนี้ในการปรับปรุงบริการต่างๆ เช่น การนำทางหลายภาษา และความสะดวกในการชำระเงินระหว่างประเทศ สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวยุโรป/อเมริกาที่เดินทางผ่านประเทศไทยไปยังฉางซา พร้อมกันนี้จะร่วมมือกับประเทศไทยในการพัฒนาผลิตภัณฑ์การเดินทางเชื่อมต่อข้ามพรมแดน เพื่อเปลี่ยนผลประโยชน์จากนโยบายยกเว้นวีซ่าเข้าเมือง 240 ชั่วโมงให้เป็นปริมาณการท่องเที่ยวขาเข้าที่แท้จริง ทำให้ฉางซากลายเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยุโรป และอเมริกาในการเดินทางเข้าประเทศจีน
กิจกรรมส่งเสริมและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของฉางซาที่เยือนสิงคโปร์และประเทศไทย ไม่ได้เป็นเพียงการตลาดที่แม่นยำสำหรับตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เท่านั้น แต่ยังเป็นยุทธศาสตร์การวางแผนเพื่อแผ่ขยายไปยังตลาดนักท่องเที่ยวระหว่างประเทศที่กว้างขึ้น และยกระดับชื่อเสียงของฉางซาในระดับสากล ผ่านสองศูนย์กลางระดับภูมิภาคนี้ คือสิงคโปร์และประเทศไทย ซึ่งได้สร้างแรงผลักดันอันแข็งแกร่งสำหรับการพัฒนาคุณภาพสูงของการท่องเที่ยวของฉางซา
ในอนาคต ฉางซาจะใช้ประโยชน์จากความสะดวกสบายในการเดินทางด้วยเที่ยวบินตรงระหว่างฉางซากับสิงคโปร์และประเทศไทย และผลประโยชน์จากนโยบายยกเว้นวีซ่า เพื่อเดินหน้าผลักดันตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อไป และส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพของการท่องเที่ยวสู่ฉางซาให้ดียิ่งขึ้นไปอีก
