ความคืบหน้าเหตุหลุมยุบหน้าวชิรพยาบาล

ความคืบหน้าเหตุหลุมยุบหน้าวชิรพยาบาล
จากเหตุการณ์หลุมยุบที่เกิดขึ้นหน้าวชิรพยาบาล เมื่อวันที่ 24 กันยายน ที่ผ่านมา ซึ่งถือได้ว่าเป็นหลุมยุบที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้านความคืบหน้าในเรื่องนี้ ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม สมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย โดย ศ.ดร.อมร พิมานมาศ นายกสมาคมฯ และ อ.ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบการรื้อถอนอาคารสถานีตำรวจสามเสน พร้อมกับนายวัฒนพงศ์ หิรัญมาลย์ เลขาธิการสมาคมฯ
ศ.ดร.อมร พิมานมาศ กล่าวว่า ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ถมหลุมเสร็จสิ้นแล้ว และอยู่ในขั้นตอนการรื้อถอนอาคารสถานีตำรวจสามเสน โดยใช้รถแบคโฮใหญ่ติดบูมยาว 28.9 ม. มีหัวพ่นน้ำปลายบูมเพื่อลดฝุ่นจากการรื้อถอน ปลายบูมติดตั้งตัวหนีบคอนกรีตขนาดใหญ่ เพื่อใช้หนีบย่อยโครงสร้าง สำหรับโครงสร้างสถานีตำรวจสามเสนเป็นระบบพื้นไร้คาน หรือพื้นโพสต์ มีท่อร้อยลวดอัดแรงกำลังสูงอยู่ด้านใน การรื้อถอนจะดำเนินการจากด้านที่ติดหลุมยุบ เข้าไปด้านใน โดยทำทีละช่วง จากชั้นบนลงล่าง และหนีบเสาออกทีละชั้น เมื่อรื้อพื้นเสร็จ เพื่อป้องกันไม่ให้เสายืนสูงชะรูดเกินไป ทั้งนี้ ศ.ดร.อมร พิมานมาศ ได้ให้ข้อแนะนำในการรื้อถอนแก่ผู้รื้อถอนเพื่อให้เกิดความปลอดภัยดังนี้
1. จะต้องมีแผนการรื้อถอน (demolition plan) ที่ชัดเจน ที่แสดงถึงลำดับขั้นตอนการรื้อถอนชิ้นส่วน
2. เนื่องจากงานรื้อถอนอาคาร เป็นงานวิศวกรรมควบคุม จึงจำเป็นต้องมีวิศวกรที่ถือใบอนุญาตมากำกับให้เป็นไปตามแผน
3. เท่าที่ตรวจพบ ยังไม่พบการสั่นสะเทือนมากนัก อย่างไรก็ตามเพื่อความไม่ประมาท ควรติดตั้งเครื่องวัดการสั่นสะเทือนเพื่อป้องกันมิให้อาคารข้างเคียงเสียหาย ทั้งนี้ค่าการสั่นสะเทือนไม่ควรเกิน 10-20 มม.ต่อวินาที
นอกจากนี้ ศ.ดร.อมร พิมานมาศ การรื้อถอนเป็นไปตามแผน คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ น่าจะรื้อถอนได้หมด แต่ต้องระวังอุปสรรคในเรื่องฝนตกหนัก และต้องติดตามการทรุดของดินถมเป็นระยะๆด้วย ไม่ควรประมาท เนื่องจากรถแบคโฮหนักถึง 56-57 ตัน แม้จะมีแผ่นเหล็กรองไว้ก็ตาม
สำหรับการเปิดถนนให้สัญจรผ่านได้นั้น ต้องรอให้รื้อถอนสถานีตำรวจสามเสนเสร็จสิ้นเสียก่อน และจะต้องตรวจสอบสภาพอุโมงใต้ดินทั้งตัวบนและตัวล่าง เพื่อสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้น และต้องหาแนวทางป้องกันมิให้ดินไหลเข้าไปในอุโมงค์หรือสถานีอีก โดยต้องมีวิธีการทดสอบความแข็งแรงหรือพิสูจน์ทางวิศวกรรมอย่างชัดเจนเสียก่อน จึงจะเปิดการจราจรได้อีกครั้ง