วช. และเครือข่ายในพื้นที่ ขับเคลื่อนแผนวิจัยมุ่งเป้าการบริหารจัดการนํ้าแบบบูรณาการ ลดความเสี่ยงเพิ่มรายได้ ณ ต.บ่อสวก จ.น่าน

วันที่ 4 กันยายน 2568 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดย ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ พร้อมด้วยคณะผู้ทรงคุณวุฒิ วช. ผู้บริหารจาก วช. ผู้บริหาร สกสว. และทีมนักวิจัย ลงพื้นที่ ต.บ่อสวก จ.น่าน เพื่อติดตามความก้าวหน้าโครงการวิจัยภายใต้ แผนงานวิจัยประเด็นยุทธศาสตร์มุ่งเป้า ประเทศไทยปลอดภัย PM2.5 และ แผนงานเป้าหมายสำคัญตามยุทธศาสตร์ ววน. เรื่อง น้ำมั่นคง ไม่ท่วม ไม่แล้ง ใน 10 จังหวัด ณ จ.น่าน
ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า "การลงพื้นที่จังหวัดน่านในครั้งนี้ เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของงานวิจัยที่มุ่งตอบโจทย์ปัญหาเร่งด่วนของประเทศ ทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและการบริหารจัดการน้ำ วช. เชื่อมั่นว่าการบูรณาการองค์ความรู้และความร่วมมือจากทุกภาคส่วน จะช่วยให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ขณะเดียวกันก็สามารถสร้างเศรษฐกิจฐานรากและความเข้มแข็งให้กับชุมชนอย่างยั่งยืน"
คณะได้ลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่และร่วมประชุมเพื่อหารือแนวทางการแก้ไขปัญหา โดยมี ว่าที่ ร.ต.อลงกต ประสมทรัพย์ รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ่อสวก เป็นผู้รายงานสภาพปัญหาในพื้นที่ ซึ่ง ต.บ่อสวก จ.น่าน เป็นพื้นที่ต้นแบบการจัดการนํ้าระดับตําบลที่ทำงานร่วมกับ วช. มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีงบประมาณ 2564 เพื่อแก้ไข และบรรเทาปัญหาในพื้นที่ อาทิ ฤดูฝนนํ้าท่วม ฤดูแล้งขาดนํ้า ความพร้อมของข้อมูลเพื่อการจัดการนํ้า ความพร้อมของความรู้ ทักษะด้านการบริหารจัดการนํ้า โดยทีมวิจัยได้ดำเนินการภายใต้โครงการการจัดทําแผนหลักการบริหารจัดการทรัพยากรนํ้าแบบบูรณาการ และการขยายผลการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการนํ้าแบบมีส่วนร่วมเพื่อลดเสี่ยง ลดภัย เพิ่มรายได้ในพื้นที่ของจังหวัดน่าน โดยมี ผศ.น.สพ.ดร.วินัย แก้วละมุล สังกัดหน่วยงาน สํานักวิชาทรัพยากรการเกษตร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็น หัวหน้าโครงการ ภายใต้แผนงาน “น้ำมั่นคง ไม่ท่วม ไม่แล้ง ใน 10 จังหวัด” ซึ่งมี รศ. ดร.สุจริต คูณธนกุลวงศ์ เป็นผู้อำนวยการแผนงาน (Program Director) ได้รับทุนสนับสนุนการดำเนินการวิจัยและนวัตกรรม จาก วช. ในปีงบประมาณ 2568 ซึ่งคาดว่าจะสร้างผลกระทบในการลดผู้ได้รับความเดือดร้อนลงมากกว่า 4,500 ครัวเรือน และเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจของผลผลิตในพื้นที่ได้ถึง 50 ล้านบาท จากกลไกการบริหารจัดการน้ำเชิงพื้นที่โดยอาศัยวิทยาการจากการวิจัยและนวัตกรรม อาทิ แผนบริหารจัดการน้ำน่าน ระบบสารสนเทศการจัดการน้ำตำบลน่าน (35 อปท.) ระบบเตือนภัยน้ำท่วมจังหวัดน่าน การเชื่อมโยงอาชีพการผลิตและจำหน่ายผักมูลค่าสูง ระบบการบริหารจัดการน้ำขนาดเล็กเชิงพื้นที่ และสุดท้ายเพื่อเป็นต้นแบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำให้พื้นที่อื่น ๆ ได้นำไปประยุกต์ใช้ในพื้นที่ต่อไป
การลงพื้นที่ครั้งนี้ วช. มุ่งติดตามผลการดำเนินงานจริงในพื้นที่ เพื่อให้การวิจัยสามารถตอบโจทย์ปัญหาของประเทศ ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตของประชาชน