หมอบี ชื่นชม ”โครงการจาริกธรรมตามรอยบาทพระศาสดา ครั้งที่ 10” ปลื้มมีส่วนร่วม ”ปั้นพระเป็น ให้เป็นพระ” ต

สำหรับ ”โครงการจาริกธรรมตามรอยบาทพระศาสดา ครั้งที่ 10” ได้ปิดโครงการไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2567 โดยทางนายเสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล หรือ หมอบี ในฐานะ ”ฑูตโครงการจาริกธรรมตามรอยบาทพระศาสดา ครั้งที่ 10” ได้ให้สัมภาษณ์กล่าวปิดโครงการดังกล่าวในปีนี้ เพื่อฝากเป็นข้อธรรมให้กับพุทธศาสนิกชน

โดยหมอบี ได้กล่าวว่า สำหรับการปิดโครงการจาริกธรรมตามรอยบาทพระศาสดา ครั้งที่ 10 นั้น
รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมโครงการตามรอยบาทพระศาสดาในครั้งนี้ ซึ่งได้ไปประสบพบเจอด้วยตัวเอง ถือว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่ง และ ต้องบอกว่า เพิ่งเคยเห็นโครงการนี้โครงการแรกจริงๆ ที่ได้ลงมือกระทำจริงๆ ได้มีการเดินธุดงค์จริงๆ และ พระอาจารย์ก็ได้ร่วมธุดงค์ด้วยตลอดเส้นทาง ตลอดโครงการเลย แล้วก็ดีใจมากที่ได้ไปร่วมเปิดโครงการแล้วระหว่างนั้นก็ได้ไปเจอพระอาจารย์ฯ (พระครูธีรธรรมปราโมทย์ หรือ หลวงพ่อสำเริง สุวรรณละม้าย เจ้าอาวาส วัดดอยเทพนิมิต ตำบลป่าซาง อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย) ท่าน 2 ครั้ง แล้วก็ได้ไปเจอสภาพจริงๆที่เขาได้เดินธุดงค์กัน เดินจนเท้าแตก และ ไม่ใช่เดินอย่างเดียว ระหว่างทางพระอาจารย์ฯท่านก็ได้มีการสอนให้เข้าถึงปัญญา และ มีโอกาสได้ไปเดินธุดงค์ในสถานที่ที่พระมหาศาสดาเราได้เคยไปตามจุดต่างๆ พระอาจารย์ฯท่าน และ พระพี่เลี้ยงท่านก็ทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดี นอกจากเดินแล้วก็ได้ทำตัวเป็นแบบอย่าง และ ได้สั่ง ได้สอน รวมไปถึงแม่ชี แม่ครัวต่างๆ ต้องบอกว่า เต็มที่ เต็มกำลังกันมาก ก็เลยบอกว่า คนทุกคนที่ได้ไปโครงการนี้ พระทุกรูปที่ได้ในโครงการนี้ กลับมาต้องมีศรัทธาอันเต็มเปี่ยม ไม่ใช่ศรัทธาอย่างเดียว ต้องได้ปัญญาด้วยที่ได้จากโครงการนี้อย่างมาก ต้องบอกว่า ประทับใจจริงๆ คือ ถ้าไม่ได้เห็นด้วยตัวเองอาจจะไม่เห็นภาพจริงๆ แต่นี่ได้ไปเห็นภาพจริงๆ ได้สัมผัสจริงๆ แต่ละคนต้องบอกว่า สุดยอดมากๆ เป็นโครงการที่ดีมากๆ และก็ยังไม่เคยเห็นโครงการไหนที่ทำในลักษณะนี้ได้ครบ เต็มที่ขนาดนี้
อาจจะมีแค่เป็นจุดบางจุดที่เดิน แต่อันนี้คือเต็มครบจริงๆ ซึ่งเป็นโครงการแรกและโครงการเดียว ที่อยากให้โครงการนี้ดำรงอยู่ต่อไป เพื่อสร้างสรรค์พระดีๆ ผลิตพระดีๆออกมา ที่เป็นพระเป็นๆ เป็นพระแท้ เพื่อมาเป็นเนื้อนาบุญของโลกใบนี้ และ ของประเทศต่อไป อยากให้มีโครงการนี้ทุกๆปี ก็หวังว่า ปีหน้า ถ้ามีโอกาสได้ช่วยเหลือส่วนไหน ก็ยินดีมากๆ

หลวงพ่อฯมีบอกแบบเกริ่นๆมาว่า อยากให้โครงการมันยั่งยืน ไม่อยากให้เหมือนทุกครั้งๆ ต้องคอยมาลุ้นทุกครั้ง ท่านว่าอย่างนี้ ก็อยากจะให้คนทั้งประเทศได้เห็นคุณค่าของโครงการนี้ แล้วก็มีส่วนร่วมกันในทุกๆภาคส่วน ก็อาจจะมีการจัดตั้งกลุ่มที่มาร่วมโครงการอย่างนี้ ก็ว่ากันไป รอติดตามดูครับว่าขั้นถัดไปจะเป็นอย่างไร
สำหรับคนที่ต้องการบวช และ ไปจาริกธรรมกับโครงการฯนี้บ้าง ต้องเตรียมตัว เตรียมใจอย่างไรนั้น
ถ้าใครยากจะบวชจริงๆ คือ บวชนี่คือบวชจริงๆ ไม่ได้ไปสบาย บวชแล้วไปฝึกฝนตนเอง ได้ปฏิบัติจริงๆ ได้มีความเข้าใจ มีปัญญาที่เกิดขึ้น ทั้งร่างกายและจิตใจ ถือว่าเป็นหนึ่งในโครงการที่น่าจะเป็นบททดสอบอย่างหนึ่งของคนที่อยากจะไปบวช ถ้าใครอยากรู้จริงๆ ว่าอะไรเป็นยังไง จะสร้างศรัทธาโดยที่ไม่ได้งมงาย แต่ว่าได้ไปจริงๆ ได้ไปสัมผัสพื้นที่จริงๆ ว่าพระพุทธองค์ตอนอยู่ ไปที่ไหน ทำอะไร และ สภาพสังคมที่ผ่านมา สองพันกว่าปีเป็นอย่างไร น่าไปมากๆครับ

ไปเดินธุดงค์กับโครงการนี้ เป็นการปฏิบัติเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา หมอบีมอง
เป็นเรื่องที่ดีมากๆ ถ้าไปกันหลายๆคน ช่วยกันไป ได้ไปสัมผัสด้วยตนเอง ได้ไปเดินด้วยตนเอง ได้ไปเรียนรู้ด้วยตนเอง คงเป็นเรื่องที่ดี แต่ไม่ใช่ว่ามันเป็นอะไรที่ใครก็ทำได้ ต่อให้เรามีใจอยากจะทำก็จริงแต่ต้องบอกว่า มันเหน็ดเหนื่อยมากๆ มันไม่ใช่ง่ายๆที่จะผ่านได้ขนาดนี้ ต้องบอกว่า สุดยอดจริงๆ ที่จะเป็นพระที่สมบูรณ์อย่างนี้ได้ เราในฐานะฆราวาส หรือ คนอื่น ที่อยากสัมผัสจริงๆ ว่าการเป็นพระ เป็นเนื้อนาบุญที่ดีเป็นอย่างไร ก็ต้องลองดู ต้องไปสัมผัสด้วยตัวเอง

ต้องไปสัมผัสดู หรือ อาจจะร่วมส่งเสบียงไป
เรื่องส่งเสบียงก็สำคัญมากครับ เพราะของทั้งหมด ที่ได้บริจาคไปกับหลวงพ่อฯท่าน ท่านเอาไปหมด และ ต้องบอกว่าเรื่องในๆ หรือ วงใน ซึ่งอาจจะมีหลายคนรู้ หรือ ไม่รู้ ต้องบอกว่า ต้องเสียค่าใช้จ่ายในขนอาหารแห้ง และ วัสดุอุปกรณ์ต่างๆเยอะแยะมากมาย เพื่อจะไปทำอาหาร แล้วก็ลำเลียง ต่อเนื่อง เดินตั้งหลายเดือน ซึ่งเป็นเรื่องที่ใช้ทรัพยากร ทั้งงบประมาณในเงิน วัสดุอุปกรณ์ และ เรื่องคน เยอะแยะ มากมาย ก็อยากให้สนับสนุนกัน ในแง่มุมไหนก็ได้ ที่ตัวเองถนัด หรือ สะดวก หรือ แค่บอกเรื่องราวโครงการดีๆอย่างนี้ต่อก็ยังดีครับ

ฝากบอกอะไรกับผู้ชม ผู้อ่านที่สนใจไปร่วมเป็นกองทัพธรรมกับโครงการฯ ผู้อ่านที่อยากไปร่วมเป็นหนึ่งในกองทัพธรรมผ่านโครงการจาริกธรรมตามรอยบาทพระศาสดา ใครอยากจะมีส่วนร่วม มีจิตที่เป็นอาสา ในรูปแบบไหนก็ได้ อยากจะให้โครงการแบบนี้ โครงการดีๆมากๆแบบนี้เป็นที่รู้จักเยอะ และ เป็นโครงการที่สืบเนื่องต่อไป เป็นการสืบพระศาสนาที่แท้จริง ที่ดีงาม และ งดงามมากๆ อยากให้สนับสนุนกันเยอะๆ แบบไหนก็ได้ มุมไหนก็ได้ ให้บอกต่อๆกัน ไม่ว่าจะเป็นปัจจัย เป็นข้าวสารอาหารแห้ง อย่างนี้ ได้หมด หรืออยากจะไปบวช หรือ ไปเดินด้วยกัน ในปีถัดไป แต่อยากให้มีทุกๆปี ให้มีทุกๆปีแล้วเราก็จะเห็นว่า คนที่มาเป็นหลัก เป็นแก่นสาร เป็นเนื้อบุญ เป็นทุกสิ่งทุกอย่างเป็นที่พึ่งจริงๆ ให้กับประชาชนคนทั่วไปได้ มันต้องถูกคัดสรร เรียนรู้ ไม่ใช่แค่บวชอย่างเดียวแล้วได้เป็นพระที่ดี
ปิดโครงการฯแล้วในปีนี้ สำหรับโครงการจาริกธรรมตามรอยบาทพระศาสดา ครั้งที่ 10 อยากจะให้กำลังใจคณะสงฆ์
ผมว่า มันไม่ถึงกับต้องให้กำลังใจท่าน ท่านต่างหากที่ได้ไปเสริม ไปเติม ไปเพิ่ม และ ไปเป็นที่พึ่งให้กับตัวเอง มากพอที่จะสร้างกำลังใจให้กับตัวเอง พวกท่านต่างหากที่จะกลับมาเป็นเนื้อนาบุญ และ ให้กำลังใจเรา
เราไม่ต้องให้กำลังใจท่าน เพราะท่านมีกำลังกาย มีกำลังใจที่พร้อม เต็มอยู่แล้ว ได้เวลาที่ท่านจะต้องมาโปรดพวกเราแล้ว นั่นแหล่ะที่เราต้องมีแต่ความดีอกดีใจ ปลื้มใจ ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้ และ ให้เวลาท่านพักผ่อนนิดนึง แล้วท่านจะได้เป็นกำลังใจให้เรามากกว่า

ครูบาอาจารย์ฯที่กลับมา ดีแน่นอน เหมือนการจบการศึกษา จบหลักสูตร ที่ได้เป็นครูบาอาจารย์ฯจริงๆ และ โดยส่วนตัวของผม ผมว่าเกินครึ่งพระที่ไปในโครงการนี้กลับมา เป็นพระที่งดงามแน่นอน ที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งก็งดงาม แต่ว่าจะไปอยู่ในมุมมองไหน อะไรขนาดไหนแต่ว่าผ่านมาขนาดนี้ได้แล้ว ถ้าไม่คนจริง ไม่มีทาง เป็นไปไม่ได้ที่จะได้อยู่รอดปลอดภัย ทั้งสภาพร่างกาย และ จิตใจ ได้ขนาดนี้ ได้ผ่านการเรียนรู้ มันไม่ใช่แค่กำลังกายอย่างเดียว ถ้าจิตใจมีความเข้าอกเข้าใจ ไม่ได้เห็นถึงธรรมชาติ ไม่ได้มีศรัทธาอันแท้จริง ไม่มีทางทำได้แน่นอนอยู่แล้ว มีครูบาอาจารย์ฯดีขนาดนี้ มาสั่งมาสอน และ ทำให้กลมกล่อมขนาดนี้ ได้กลับมา ยังไงก็ดีครับ เราได้ผลิตบุคลากรที่เป็นทรัพยากรบุคคลให้กับโลกนี้ เป็นร้อยๆ ในแต่ละปี มันดีมากๆ
(ข้อมูล :- สำหรับโครงการจาริกธรรมตามรอยบาทพระศาสดา ครั้งที่ 10 มีคณะสงฆ์ไทยและลาว รวมทั้งอุบาสกและอุบาสิกา กว่า 100 ชีวิต ร่วมเดินทางจาริกธรรมไปยังแดนพุทธภูมิในประเทศอินเดีย และ เนปาล โดยใช้การเดินเท้าถวายเป็นพุทธบูชาตลอดเส้นทางการจาริกธรรมไปยัง 4 สังเวชนียสถาน โดยระยะเวลาการเดินจาริกธรรมในดินแดนพุทธภูมิครั้งนี้ เริ่มเปิดโครงการวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2567 ถึงวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ.2567)


