เมื่อ : 20 ธ.ค. 2566

จากสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศเกินเกณฑ์มาตรฐาน ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตและสุขภาพของประชาชน ซึ่งรัฐบาลมีความห่วงใยสุขภาพอนามัยของพี่น้องประชาชนและให้ความสำคัญกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง โดยได้กำหนดให้การแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองเป็นวาระแห่งชาติ และสั่งการให้ทุกหน่วยงานเร่งรัดดำเนินการตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” 
 

กองทัพไทย โดย กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ  จึงได้เตรียมความพร้อม ในการจัดกำลังและให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ ดังนี้ 
 

กองบัญชาการกองทัพไทยได้ติดตาม และเฝ้าระวังสถานการณ์ที่ส่งผลต่อการเกิดปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ในพื้นที่รับผิดชอบ โดยเน้นการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ภาพถ่ายดาวเทียม แอปพลิเคชั่นต่าง ๆ เพื่อเตรียมการสนับสนุนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสามารถแจ้งเตือนแก่ประชาชนได้อย่างทั่วถึง ทั้งนี้ หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ได้จัดรถยนต์บรรทุกน้ำ ดำเนินการฉีดพ่นฝอยละอองน้ำ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นในอากาศ และลดผลกระทบจากฝุ่นละออง นอกจากนี้ยังได้จัดเจ้าหน้าที่ชุดประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจแก่ประชาชน พร้อมทั้งรณรงค์ลดการเผาทำลายวัชพืช  และจัดชุดเฝ้าระวังพื้นที่ ในการสนับสนุนการลาดตระเวน เฝ้าระวัง และป้องปรามการลักลอบเผาในเขตพื้นที่ป่าเขตพื้นที่การเกษตร โดยมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชน และประชาชนจิตอาสาให้ครอบคลุมในทุกพื้นที่เมื่อสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน หรือระดับปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) มีแนวโน้มสูงขึ้น

กองทัพบก รณรงค์งดการเผาเศษวัสดุทางการเกษตร โดยเฉพาะช่วงที่มีสถานการณ์หมอกควัน ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) รุนแรง พร้อมทั้งส่งเสริมความรู้ให้กับเกษตรกรในด้านการกำจัดวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร และสนับสนุนการนำวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรไปแปรรูปใช้ประโยชน์ หรือเพิ่มมูลค่าแทนการเผา อาทิ การไถกลบตอซัง การใช้จุลินทรีย์ ในการย่อยสลายเศษวัสดุทางการเกษตร การผลิตเชื้อเพลิงชีวมวล การผลิตปุ๋ยอินทรีย์ เพื่อสร้างการรับรู้ ให้ประชาชนมีความเข้าใจ ทั้งนี้ ได้มอบหมายศูนย์ปฏิบัติการดับไฟป่าภาค 3 และส่วนราชการทุกหน่วยในการเฝ้าระวังและกำชับให้ทุกส่วนเตรียมความพร้อมของกำลังพล รวมทั้งยุทโธปกรณ์อย่างเต็มขีดความสามารถ เน้นย้ำการป้องกันดีกว่าการแก้ปัญหา เพื่อให้การแก้ปัญหาไฟป่า หมอกควัน เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพตามนโยบายของรัฐบาล ต่อไป

กองทัพเรือ ให้การสนับสนุนการแก้ไขปัญหา และลดต้นเหตุการณ์เกิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 โดบบูรณาการความร่วมมือกับส่วนราชการในพื้นที่ ทำการสำรวจพื้นที่เสี่ยง ฉีดพ่นละอองน้ำทำความสะอาดถนน และแหล่งชุมชน ตรวจสภาพรถยนต์ และลดการใช้ยานพาหนะ โดยศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือได้ติดตั้งเครื่องบำบัดฝุ่น PM 2.5 ซึ่งกรมอู่ทหารเรือสร้างขึ้นบริเวณลานจอดรถฝั่งด้านหน้านันทอุทยานสโมสร กองบัญชาการกองทัพเรือ จำนวน 2 เครื่อง โดยพื้นที่วังนันทอุทยานนั้น ประชาชนมาใช้บริการและออกกำลังกายจำนวนมาก นอกจากนั้น ยังมีการติดตั้งเครื่องบำบัดฝุ่น PM 2.5 บริเวณรอบวังสระปทุม จำนวน 4 เครื่อง และรอบวัดราชบพิธ จำนวน 3 เครื่อง อีกด้วย

กองทัพอากาศ ได้มีการเปิดการฝึกบินควบคุมไฟป่ากองทัพอากาศ ปี 2567 ณ กองบิน 41 จังหวัดเชียงใหม่ โดยมี นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน ซึ่งเป็นการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่าย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อฝึกซ้อมการปฏิบัติในการบินควบคุมไฟป่า และสร้างความมั่นใจแก่ประชาชน ก่อนเกิดสถานการณ์จริง โดยมีอากาศยานที่มีบทบาทสำคัญในภารกิจควบคุมไฟป่า 3 ส่วน ได้แก่ส่วนลาดตระเวนและค้นหา (SENSOR) ประกอบด้วย

1. เครื่องบิน DA-42MNG AU-23 AEROSTAR BP และ KODIAK 100

2. ส่วนดับ/ควบคุมไฟป่า (SHOOTER) ประกอบด้วย เครื่องบิน BT-67 C-130H MI-17 KA-32 และ AS350B2

3. ส่วนลำเลียง/ส่งกลับสายแพทย์ (SUPPORT) ประกอบด้วย เครื่องบิน EC-725 C-130H และ AS350B2 โดยการบินควบคุมไฟป่า เริ่มจากนำจุดความร้อนที่มีโอกาสเกิดไฟไหม้ Fire Information Report  (FIR) มาวางแผน ส่งมอบพื้นที่ให้เครื่องบินส่วนลาดตระเวนและค้นหา (SENSOR) เพื่อยืนยันเป้าหมายแบบ REAL-TIME ก่อนนำอากาศยานส่วนดับ/ควบคุมไฟป่า (SHOOTER) เข้าปฏิบัติ เป็นการประยุกต์ใช้อากาศยาน ที่เข้าร่วมให้เกิดประสิทธิภาพ แม่นยำ และทันต่อสถานการณ์ เพื่อลดผลกระทบไฟป่าต่อประชาชนให้มากที่สุด ภายใต้ภารกิจ UNITED FOR NATION & PEOPLE

ทั้งนี้ กองทัพไทยขอยืนยันความพร้อมในการเป็น oneteamทัพไทย เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนในทุกมิติ และจะบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วนอย่างเต็มศักยภาพในการดำรงการช่วยเหลือประชาชน ที่ประสบสาธารณภัยทุกรูปแบบ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาที่สำคัญของชาติต่อไป 

ข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจ