เมื่อ : 22 พ.ย. 2566

กรุงเทพฯ 21 พ.ย. 2566 – องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ประเทศไทย  (World Animal Protection) ส่งท้ายแคมเปญ “บึ๊ด จ้ำ บึ๊ด ฮึดสู้เพื่อสัตว์ฟาร์ม” ผนึกภาคีเครือข่าย เดินหน้าเข้าพบ นายสัตวแพทย์รักไทย งามภักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานสินค้าปศุสัตว์ กรมปศุสัตว์ พร้อมส่งมอบรายชื่อประชาชนเรียกร้องการหยุดเชื้อดื้อยาและพัฒนาสวัสดิภาพสัตว์ให้ดีขึ้น 

แคมเปญ “บึ๊ด จ้ำ บึ๊ด ฮึด สู้เพื่อสัตว์ฟาร์ม” เป็นกิจกรรมที่องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ประเทศไทย พร้อมภาคีเครือข่ายต่างๆ จัดกิจกรรมรณรงค์ต่อเนื่องตลอดเดือนพฤศจิกายน ที่องค์การอนามัยโลกกำหนดให้เป็น World Antimicrobial Awareness Week (สัปดาห์รู้รักษ์ ตระหนักใช้ยาต้านจุลชีพโลก) เพื่อเน้นย้ำถึงวิกฤตเชื้อแบคทีเรียดื้อยา ผ่านกิจกรรมพายซัพบอร์ด โดยนำร่องแม่น้ำ สายแรก แม่น้ำบางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ 4 พ.ย. 2566 และในวันที่ 11 พ.ย. 2566 ล่องแม่น้ำสายที่สอง แม่น้ำนครชัยศรี  จ.นครปฐม และปิดท้ายกิจกรรมในวันที่ 21 พ.ย. 2566 โดยเข้าพบ นายสัตวแพทย์ รักไทย งามภักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานสินค้าปศุสัตว์ กรมปศุสัตว์ เพื่อกล่าวแถลงการณ์และส่งมอบรายชื่อประชาชน 15000 คน ร่วมเรียกร้องการหยุดเชื้อดื้อยาและพัฒนาสวัสดิภาพสัตว์ให้ดีขึ้นโดยด่วน พร้อมรณรงค์เชิงสัญลักษณ์ โดยทีมซัพบอร์ด และเรือพร้อมป้ายข้อความ “หยุดเชื้อดื้อยา พัฒนาสวัสดิภาพสัตว์ฟาร์ม” ในแม่น้ำเจ้าพระยา เริ่มจากท่าเรือ สน.บางโพ ผ่านรัฐสภา วัดอรุณราชวรารามฯ สะพานพระพุทธยอดฟ้า มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และสิ้นสุดที่สะพานพระรามแปด

แคมเปญ “บึ๊ด จ้ำ บึ๊ด ฮึด สู้เพื่อสัตว์ฟาร์ม” เป็นกิจกรรมที่องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ประเทศไทย พร้อมภาคีเครือข่ายต่างๆ จัดกิจกรรมรณรงค์ต่อเนื่องตลอดเดือนพฤศจิกายน ที่องค์การอนามัยโลกกำหนดให้เป็น World Antimicrobial Awareness Week (สัปดาห์รู้รักษ์ ตระหนักใช้ยาต้านจุลชีพโลก) เพื่อเน้นย้ำถึงวิกฤตเชื้อแบคทีเรียดื้อยา ผ่านกิจกรรมพายซัพบอร์ด โดยนำร่องแม่น้ำ สายแรก แม่น้ำบางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ 4 พ.ย. 2566 และในวันที่ 11 พ.ย. 2566 ล่องแม่น้ำสายที่สอง แม่น้ำนครชัยศรี  จ.นครปฐม และปิดท้ายกิจกรรมในวันที่ 21 พ.ย. 2566 โดยเข้าพบ นายสัตวแพทย์ รักไทย งามภักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานสินค้าปศุสัตว์ กรมปศุสัตว์ เพื่อกล่าวแถลงการณ์และส่งมอบรายชื่อประชาชน 15000 คน ร่วมเรียกร้องการหยุดเชื้อดื้อยาและพัฒนาสวัสดิภาพสัตว์ให้ดีขึ้นโดยด่วน พร้อมรณรงค์เชิงสัญลักษณ์ โดยทีมซัพบอร์ด และเรือพร้อมป้ายข้อความ “หยุดเชื้อดื้อยา พัฒนาสวัสดิภาพสัตว์ฟาร์ม” ในแม่น้ำเจ้าพระยา เริ่มจากท่าเรือ สน.บางโพ ผ่านรัฐสภา วัดอรุณราชวรารามฯ สะพานพระพุทธยอดฟ้า มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และสิ้นสุดที่สะพานพระรามแปด

รายงานล่าสุดขององค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ประเทศไทย ในเดือน ต.ค. 2566 ยังคงพบเชื้อแบคทีเรียดื้อยาในแหล่งน้ำสาธารณะ และบริเวณฟาร์มอุตสาหกรรรม อาทิ ฟาร์มสุกร และฟาร์มไก่ ใน จ.นครราชสีมา จ.ฉะเชิงเทรา และจ.นครปฐม ซึ่งเป็นที่น่าวิตกอย่างยิ่งที่ผลตรวจเชื้อแบคทีเรียดื้อยานั้นไม่ต่างจาก 4 ปีก่อน โดยยังคงมีการพบเชื้อดื้อยาปฏิชีวนะชนิดรุนแรงในแบคทีเรีย Escherichia coli (E.coli) และ Klebsiella จากตัวอย่างน้ำและดินรอบฟาร์ม โดยกลุ่มยาที่พบเชื้อดื้อยามากที่สุดคือ Ampicillin รองลงมาคือ Amoxy-clavulanate และ Tetracycline ซึ่งเป็นกลุ่มยาที่นิยมใช้ในฟาร์มสัตว์อุตสาหกรรม โดยยาชนิดนี้ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายเพื่อรักษาผู้ป่วยจากโรคติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ หลอดลมอักเสบ ภาวะติดเชื้อที่หูในกระแสเลือด รวมถึงการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งหากคนได้รับเชื้อดื้อยาและเจ็บป่วยจากโรคดังกล่าว อาจทำให้การรักษาไม่ได้ผล และล่าสุดข้อมูลจากวารสารการแพทย์ The Lancet เผย
ผลการสำรวจใหม่ ชี้ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากเชื้อดื้อยาในประเทศไทยพุ่งสูงถึงปีละ 43855 คน หรือมีคนไทยเสียชีวิตถึง 5 คน
ในทุกๆ ชั่วโมง ในขณะที่ยาปฏิชีวนะยังถูกใช้อย่างมหาศาลในฟาร์มอุตสาหกรรมเพื่อทดแทนสวัสดิภาพสัตว์ที่เลวร้าย

โชคดี สมิทธิ์กิตติผล ผู้จัดการแคมเปญระบบอาหาร องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ประเทศไทย กล่าวว่า “แม้ว่า ประเทศไทยจะมียุทธศาสตร์ชาติเพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพ แต่วิกฤตการแพร่กระจายของเชื้อดื้อยาจากฟาร์มสัตว์ ก็ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับผล “การตรวจหาแบคทีเรียดื้อยาที่สำคัญจากสิ่งแวดล้อมบริเวณฟาร์มเลี้ยงสุกรและไก่ เดือนตุลาคม 2566” ในครั้งนี้ ยังคบพบเชื้อแบคทีเรียดื้อยาที่น่ากังวลอย่างยิ่งและแทบไม่ได้ลดลงจากการตรวจเมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา การพบเชื้อเหล่านี้ก่อความกังวลต่อสุขภาพและชีวิตของประชาชนในพื้นที่รอบๆ ฟาร์มอุตสาหกรรม ซึ่งบ่งชี้ว่าสวัสดิภาพสัตว์ที่ย่ำแย่ ต้อตอสำคัญของการใช้ยาปฏิชีวนะแบบเกินความจำเป็นในฟาร์ม ยังคงไม่ได้รับความสำคัญ อีกทั้งยังขาดความมุ่งมั่นในระดับนโยบายและทางการเมืองที่จะลงมือจัดการเรื่องนี้อย่างเร่งด่วนและจริงจัง ทางองค์กรฯ และเครือข่าย จึงเรียกร้องให้รัฐและผู้กำหนดนโยบายให้มุ่งพัฒนาสวัสดิภาพสัตว์ฟาร์ม และเร่งบังคับใช้กฎหมายการห้ามใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันโรค เพื่อแก้ไขถึงวิกฤตด้านสุขภาพที่เราทุกคนกำลังเผชิญอยู่”

โรจนา สังข์ทอง ผู้อำนวยการองค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า “ปัญหาเชื้อดื้อยาที่พวกเราเผชิญอยู่ในขณะนี้ ไม่ได้เป็นแค่วิกฤตระดับชาติ แต่จะกลายเป็นหายนะของมนุษย์โลกได้ หากเรายังไม่สามารถร่วมกันแก้ไขปัญหาอย่างจริงใจในทุกภาคส่วน เราอาจเคยเข้าใจกันว่าเชื้อดื้อยามาจากการรับประทานยาปฏิชีวนะมากเกินไปหรือรับประทานยาไม่ครบตามขนาด แต่จากการทำงานขององค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลกที่ผ่านมาพบว่า 3 ใน 4 ของยาปฏิชีวนะทั้งหมดที่ใช้ในโลกถูกใช้ในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ และประมาณร้อยละ 40-80 ของการใช้ยาปฏิชีวนะในฟาร์มเลี้ยงสัตว์นั้นเป็นการใช้โดยไม่จำเป็น การยกระดับสวัสดิภาพสัตว์ในฟาร์มจึงเป็นเรื่องเร่งด่วน สุขภาพของสัตว์ในระบบฟาร์มอุตสาหกรรมเชื่อมโยงกับสุขภาพของผู้บริโภคโดยตรง ฟาร์มที่มีการจัดการสวัสดิภาพสัตว์ที่ดี จะส่งผลให้สัตว์ไม่เครียดและมีสุขภาพแข็งแรง และจะลดปริมาณการใช้ยาปฏิชีวนะที่ไม่จำเป็นลงได้”

โชคดี กล่าวปิดท้ายว่า “เราเห็นว่าการพัฒนาสวัสดิภาพสัตว์ให้สูงขึ้น ไม่ได้เป็นเพียงข้อเรียกร้องทางด้านจริยธรรมและมนุษยธรรมเท่านั้น แต่เพื่อให้เกิดระบบอาหารที่ส่งผลดีต่อทั้งสัตว์ สุขภาพของคน ตลอดจนสิ่งแวดล้อม เราจะยังคงติดตามและทำงานร่วมกับภาครัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรมปศุสัตว์ เพื่อยกระดับสวัสดิภาพสัตว์ในฟาร์มให้ได้มาตรฐาน เพื่อนำไปสู่ระบบอาหารที่เป็นธรรมและยั่งยืน”

องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลกและเครือข่าย เรียกร้องให้รัฐบาลไทย หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ กรมปศุสัตว์ ซึ่งเป็นผู้มีบทบาทโดยตรงในเรื่องนี้ต้องดำเนินการดังต่อไปนี้โดยเร่งด่วน”
ยกระดับสวัสดิภาพสัตว์ฟาร์มในมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (Good Agricultural Practices: GAP) ให้สูงขึ้น และสอดคล้องกับมาตรฐานขั้นต่ำด้านสวัสดิภาพสัตว์ในฟาร์ม (FARMS – Farm Animals Responsible Minimum Standard) และมีการบังคับใช้อย่างเข้มงวด
 

ทบทวนแนวทางการดำเนินงานภายใต้แผนปฏิบัติการด้านการดื้อยาต้านจุลชีพแห่งชาติ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2566-2570 โดยบรรจุประเด็นการพัฒนาสวัสดิภาพสัตว์เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญเพื่อแก้ไขวิกฤตเชื้อดื้อยา

มีการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยาปฏิชีวนะในฟาร์มสัตว์อย่างเข้มงวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้เพื่อป้องกันโรคแบบรวมกลุ่ม ซึ่งเป็นการใช้ที่ไม่จำเป็นและนำไปสู่การเกิดเชื้อดื้อยาในฟาร์มและแพร่กระจายสู่ภายนอก 
 

จัดให้มีนโยบายส่งเสริมฟาร์มทางเลือกของเกษตรกรรายย่อย เพื่อให้เกิดการเข้าถึงอาหารที่ปลอดภัย มาจากแหล่งที่มี
สวัสดิภาพสัตว์ที่ดี และราคาเป็นธรรมในท้องถิ่น

ร่วมติดตามความเคลื่อนไหวและข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ https://www.worldanimalprotection.or.th/Ban-AMR-Campaign เฟสบุ๊ค World Animal Protection Thailand องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก 
#บึ๊ดจ้ำบึ๊ดฮึดสู้เพื่อสัตว์ฟาร์ม #รณรงค์เชื้อดื้อยา #WorldAnimalProtectionThailand 

ข้อมูลเพิ่มเติม
รายงาน การตรวจหาแบคทีเรียดื้อยาที่สำคัญจากสิ่งแวดล้อมบริเวณฟาร์มเลี้ยงสุกรและไก่ ต.ค. 2566 https://bitly.ws/Zde7 
แถลงการณ์องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก 
เรียกร้องภาครัฐให้ยกระดับสวัสดิภาพสัตว์ฟาร์มเพื่อแก้ไขวิกฤตเชื้อดื้อยา 
################################
เกี่ยวกับองค์กร 
องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก (World Animal Protection) เป็นองค์กรพัฒนาเอกชนระดับโลกมีสำนักงาน 14 แห่งทั่วโลก รวมถึง ประเทศไทยซึ่งได้มีการดำเนินการเพื่อปกป้องสัตว์จากความทุกข์ทรมาน มาเป็นเวลา 55 ปีโดยมุ่งเน้นการยกระดับ สวัสดิภาพสัตว์ และ ยุติการทุกข์ทรมาน และการทารุณกรรมสัตว์อย่างถาวร โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ ณ ประเทศอังกฤษ ที่ผ่านมาองค์กรฯ ได้ดำเนินกิจกรรม ผ่านโครงการต่างๆ ในประเทศไทย อาทิ โครงการส่งเสริมระบบอาหารอย่างยั่งยืน โดยยกระดับสวัสดิภาพสัตว์ฟาร์ม การยกระดับ สวัสดิภาพสัตว์ที่อยู่ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว  เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิต ช้างไทยให้ดีขึ้นและเพื่อให้สัตว์ป่าทุกตัวได้มีโอกาส ที่จะมีชีวิต อย่างมีอิสระตามธรรมชาติโดยตระหนักถึงความสำคัญ ของคุณภาพชีวิตสัตว์ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพชีวิตมนุษย์ และสิ่งแวดล้อม อย่างเกื้อกูลกัน

ข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจ